วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558
IMAP กับ POP3
IMAP กับ POP3 อย่างไหนดีกว่ากัน ?
เมื่อเรามีเว็บไซท์ของตัวเอง เราสามารถเปิดใช้งานอีเมล์ในชื่อโดเมนของเราได้ โดนวิธีการเช็คเมล์ จะมี 2 วิธี คือ
1. เช็คผ่านหน้าเว็บ เช่น www.yourdomain.com/webmail
2. เช็คผ่านโปรแกรม Outlook
ในการเช็คเมล์ผ่านโปรแกรม Microsoft Outlook หรือ Windows Live Mail
เราจะต้อง add account โดยใส่ user, password และเลือกวิธีที่จะเช็คเมล์ว่าจะใช้ POP3 หรือ IMAP
บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่าง POP3 กับ IMAP
1. หากเราเช็คเมล์แบบ POP3 ทุกครั้งที่มีอีเมล์ใหม่ส่งมาหาเรา
โปรแกรม Outlook จะดูดอีเมล์มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของเรา และ ลบอีเมล์ นั้นออกจาก server
2. หากเราเช็คเมล์แบบ IMAP ทุกครั้งที่มีอีเมล์ใหม่ส่งมาหาเรา
โปรแกรม Outlook จะดูดอีเมล์มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของเรา แต่จะ ไม่ลบอีเมล์ นั้นออกจาก server
แบบไหนดีกว่ากัน ?
1. POP3 หากเรามีคอมพ์ 2 เครื่อง (ที่บ้านและที่ทำงาน) เมื่อเราเช็คเมล์ที่ทำงาน อีเมล์จะเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน เมื่อเรากลับมาบ้าน แล้วเช็คอีเมล์อีกครั้ง เราจะไม่เห็นอีเมล์ที่เราเก็บไว้ที่ทำงาน
2. IMAP หากเรามีคอมพ์ 2 เครื่อง (ที่บ้านและที่ทำงาน) เมื่อเราเช็คเมล์ที่ทำงาน อีเมล์จะเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน เมื่อเรากลับมาบ้าน แล้วเช็คอีเมล์อีกครั้ง เราจะเห็นอีเมล์เหมือนกับที่ทำงาน
เพราะ IMAP ไม่ได้ลบเมล์ออกจาก server เราจึงใช้คอมพิวเตอร์เครื่องไหนเข้าไปเช็คเมล์ก็ได้
ถ้าปัจจุบันเช็คเมล์แบบ POP3 อยู่ เปลี่ยนไปใช้แบบ IMAP ดีไหม ?
อย่าทำเด็ดขาด หากใช้ POP3 อยู่ ก็ใช้ POP3 ต่อไป หากใช้ IMAP อยู่ ก็ใช้ IMAP ต่อไป อย่าสลับกันเด็ดขาด
ตัวอย่างปัญหา 1
1. คุณใช้ POP3 อยู่ มีอีเมล์ 1000 ฉบับ เก็บไว้ใน inbox
2. ต่อมาคุณนึกเซ็ง อยากลองใช้แบบ IMAP เลยลบ account ใน outlook แล้วสร้างใหม่เป็น IMAP
3. เมื่อคุณเช็คเมล์ Outlook จะมองบน server แล้วไม่เห็นอีเมล์ฉบับไหนเลย (เพราะเคยใช้ POP3 ดูดลงเครื่องหมดแล้ว)
4. Outlook เลยทำการลบอีเมล์ในคอมพิวเตอร์ทั้งหมด (เพื่อให้ตรงกับบน server)
ดังนั้นอีเมล์ 1000 ฉบับของคุณ จึงถูกลบทั้งหมด
ตัวอย่างปัญหา 2
1. คุณใช้ IMAP อยู่ มีอีเมล์ 1000 ฉบับ เก็บไว้ใน inbox
2. ต่อมาคุณนึกเซ็ง อยากลองใช้แบบ POP3 เลยลบ account ใน outlook แล้วสร้างใหม่เป็น POP3
3. เมื่อคุณเช็คเมล์ Outlook จะมองบน server แล้วเห็นอีเมล์จำนวนมาก จึงดูดลงมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
4. อีเมล์ของคุณจึงอยู่ครบ (แต่บน server ถูกลบหมด)
ขอแบบฟันธงหน่อย แบบไหนดีกว่ากัน ?
คำตอบคือ IMAP ครับ
1. เพราะเราสามารถใช้คอมที่บ้าน หรือที่ทำงานเข้าเช็คเมล์ก็ได้ ใช้มือถือเข้าเช็คก็ได้
ถ้า notebook เสีย เราก็ใช้เครื่องอื่นเข้าไปเช็คเมล์ได้ เพราะเมล์จะเก็บไว้บน server เสมอ
2. hosting ส่วนใหญ่จะมีบริการ backup ข้อมูลเว็บไซท์และอีเมล์ บางเจ้าจะ backup ให้ทุกวัน บางเจ้าก็สัปดาห์ละครั้ง หากเราเผลอลบอีเมล์ของเราทั้งหมด โดยไม่ตั้งใจ
เราอาจขอให้ผู้ให้บริการ hosting ช่วยดูให้หน่อย ว่าได้ backup อีเมล์ของเราไว้ไหม
ถ้าเขามี backup ไว้ เราก็สามารถกู้ขึ้นมาได้
ไม่เหมือนกับ POP3 ซึ่งอีเมล์ถูกดูดลงคอมพ์ไปแล้ว หากเราเผลอลบ เราจะไปดูบน server ไม่ได้ (เพราะไม่มี)
POP3 มีข้อดีกว่า IMAP บ้างไหม ?
มีครับ ช่วยให้ไม่ต้องเก็บอีเมล์ไว้บน server จำนวนมาก (เพราะเราดูดลงเครื่องหมดแล้ว)
ใช้ IMAP มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ?
1. จำไว้ว่า หากเราลบเมล์ใน Outlook อีเมล์บน server จะถูกลบไปด้วย
(และถ้าเราลบอีเมล์บน server อีเมล์ใน Outlook ก็จะถูกลบไปเหมือนกัน)
เช่น เราลบเมล์ด้วยคอมที่ทำงาน เมื่อเราใช้คอมที่บ้านเปิดดู อีเมล์ฉบับนั้นก็จะถูกลบไปด้วย
2. ไม่ควรเก็บเมล์ไว้จำนวนมากเกินไป (เกิน 10 GB)
เพราะทำให้เปลืองพื้นที่บน server และใช้เวลา backup นาน
ดังนั้น อีเมล์เก่าๆที่ไม่สำคัญแล้ว หรือมีไฟล์แนบขนาดใหญ่เกินไป ก็ควรจะลบๆออกไปบ้าง
ถ้าใช้ POP3 อยู่ จะเปลี่ยนไปใช้ IMAP ต้องทำยังไงให้อีเมล์ไม่ถูกลบไปทั้งหมด ?
1. copy อีเมล์ไปไว้ในอีกชื่อนึง
สมมติว่าอีเมล์เดิมของคุณคือ super@man.com
ให้คุณสร้าง account ใหม่ขึ้นมาชื่อ super1@man.com
ในโปรแกรม Outlook เรา add ไว้ทั้ง 2 account
เราสามารถลากแล้ววาง อีเมล์จาก account หนึ่ง ไปยังอีก account หนึ่งได้
โดยอีเมล์จะถูกย้ายจาก account นึง ไปอีก account นึง
ยกเว้นเราจะกด Ctrl ค้างไว้ อีเมล์จะถูก copy แทนการย้าย ทำให้ยังมีอีเมล์อยู่ทั้ง 2 account
2. ลบ account ใน outlook แล้ว add ใส่ outlook ใหม่โดยกำหนดเป็น imap
เมื่อเราได้ copy อีเมล์เก็บไว้ใน account ใหม่แล้ว เราก็ลบ super@man.com ออก
แล้วเพิ่ม super@man.com ใหม่ กำหนดเป็น imap
ตอนเช็คเมล์ จะปรากฏว่าเมล์หายหมด ไม่เจอเลย
แล้วเราค่อยลากแล้ววาง จาก super1@man.com มาใส่ super@man.com
แค่นี้อีเมล์ของเราก็จะอยู่ครบเหมือนเดิม
1. เช็คผ่านหน้าเว็บ เช่น www.yourdomain.com/webmail
2. เช็คผ่านโปรแกรม Outlook
ในการเช็คเมล์ผ่านโปรแกรม Microsoft Outlook หรือ Windows Live Mail
เราจะต้อง add account โดยใส่ user, password และเลือกวิธีที่จะเช็คเมล์ว่าจะใช้ POP3 หรือ IMAP
บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่าง POP3 กับ IMAP
1. หากเราเช็คเมล์แบบ POP3 ทุกครั้งที่มีอีเมล์ใหม่ส่งมาหาเรา
โปรแกรม Outlook จะดูดอีเมล์มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของเรา และ ลบอีเมล์ นั้นออกจาก server
2. หากเราเช็คเมล์แบบ IMAP ทุกครั้งที่มีอีเมล์ใหม่ส่งมาหาเรา
โปรแกรม Outlook จะดูดอีเมล์มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของเรา แต่จะ ไม่ลบอีเมล์ นั้นออกจาก server
แบบไหนดีกว่ากัน ?
1. POP3 หากเรามีคอมพ์ 2 เครื่อง (ที่บ้านและที่ทำงาน) เมื่อเราเช็คเมล์ที่ทำงาน อีเมล์จะเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน เมื่อเรากลับมาบ้าน แล้วเช็คอีเมล์อีกครั้ง เราจะไม่เห็นอีเมล์ที่เราเก็บไว้ที่ทำงาน
2. IMAP หากเรามีคอมพ์ 2 เครื่อง (ที่บ้านและที่ทำงาน) เมื่อเราเช็คเมล์ที่ทำงาน อีเมล์จะเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน เมื่อเรากลับมาบ้าน แล้วเช็คอีเมล์อีกครั้ง เราจะเห็นอีเมล์เหมือนกับที่ทำงาน
เพราะ IMAP ไม่ได้ลบเมล์ออกจาก server เราจึงใช้คอมพิวเตอร์เครื่องไหนเข้าไปเช็คเมล์ก็ได้
ถ้าปัจจุบันเช็คเมล์แบบ POP3 อยู่ เปลี่ยนไปใช้แบบ IMAP ดีไหม ?
อย่าทำเด็ดขาด หากใช้ POP3 อยู่ ก็ใช้ POP3 ต่อไป หากใช้ IMAP อยู่ ก็ใช้ IMAP ต่อไป อย่าสลับกันเด็ดขาด
ตัวอย่างปัญหา 1
1. คุณใช้ POP3 อยู่ มีอีเมล์ 1000 ฉบับ เก็บไว้ใน inbox
2. ต่อมาคุณนึกเซ็ง อยากลองใช้แบบ IMAP เลยลบ account ใน outlook แล้วสร้างใหม่เป็น IMAP
3. เมื่อคุณเช็คเมล์ Outlook จะมองบน server แล้วไม่เห็นอีเมล์ฉบับไหนเลย (เพราะเคยใช้ POP3 ดูดลงเครื่องหมดแล้ว)
4. Outlook เลยทำการลบอีเมล์ในคอมพิวเตอร์ทั้งหมด (เพื่อให้ตรงกับบน server)
ดังนั้นอีเมล์ 1000 ฉบับของคุณ จึงถูกลบทั้งหมด
ตัวอย่างปัญหา 2
1. คุณใช้ IMAP อยู่ มีอีเมล์ 1000 ฉบับ เก็บไว้ใน inbox
2. ต่อมาคุณนึกเซ็ง อยากลองใช้แบบ POP3 เลยลบ account ใน outlook แล้วสร้างใหม่เป็น POP3
3. เมื่อคุณเช็คเมล์ Outlook จะมองบน server แล้วเห็นอีเมล์จำนวนมาก จึงดูดลงมาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
4. อีเมล์ของคุณจึงอยู่ครบ (แต่บน server ถูกลบหมด)
ขอแบบฟันธงหน่อย แบบไหนดีกว่ากัน ?
คำตอบคือ IMAP ครับ
1. เพราะเราสามารถใช้คอมที่บ้าน หรือที่ทำงานเข้าเช็คเมล์ก็ได้ ใช้มือถือเข้าเช็คก็ได้
ถ้า notebook เสีย เราก็ใช้เครื่องอื่นเข้าไปเช็คเมล์ได้ เพราะเมล์จะเก็บไว้บน server เสมอ
2. hosting ส่วนใหญ่จะมีบริการ backup ข้อมูลเว็บไซท์และอีเมล์ บางเจ้าจะ backup ให้ทุกวัน บางเจ้าก็สัปดาห์ละครั้ง หากเราเผลอลบอีเมล์ของเราทั้งหมด โดยไม่ตั้งใจ
เราอาจขอให้ผู้ให้บริการ hosting ช่วยดูให้หน่อย ว่าได้ backup อีเมล์ของเราไว้ไหม
ถ้าเขามี backup ไว้ เราก็สามารถกู้ขึ้นมาได้
ไม่เหมือนกับ POP3 ซึ่งอีเมล์ถูกดูดลงคอมพ์ไปแล้ว หากเราเผลอลบ เราจะไปดูบน server ไม่ได้ (เพราะไม่มี)
POP3 มีข้อดีกว่า IMAP บ้างไหม ?
มีครับ ช่วยให้ไม่ต้องเก็บอีเมล์ไว้บน server จำนวนมาก (เพราะเราดูดลงเครื่องหมดแล้ว)
ใช้ IMAP มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ?
1. จำไว้ว่า หากเราลบเมล์ใน Outlook อีเมล์บน server จะถูกลบไปด้วย
(และถ้าเราลบอีเมล์บน server อีเมล์ใน Outlook ก็จะถูกลบไปเหมือนกัน)
เช่น เราลบเมล์ด้วยคอมที่ทำงาน เมื่อเราใช้คอมที่บ้านเปิดดู อีเมล์ฉบับนั้นก็จะถูกลบไปด้วย
2. ไม่ควรเก็บเมล์ไว้จำนวนมากเกินไป (เกิน 10 GB)
เพราะทำให้เปลืองพื้นที่บน server และใช้เวลา backup นาน
ดังนั้น อีเมล์เก่าๆที่ไม่สำคัญแล้ว หรือมีไฟล์แนบขนาดใหญ่เกินไป ก็ควรจะลบๆออกไปบ้าง
ถ้าใช้ POP3 อยู่ จะเปลี่ยนไปใช้ IMAP ต้องทำยังไงให้อีเมล์ไม่ถูกลบไปทั้งหมด ?
1. copy อีเมล์ไปไว้ในอีกชื่อนึง
สมมติว่าอีเมล์เดิมของคุณคือ super@man.com
ให้คุณสร้าง account ใหม่ขึ้นมาชื่อ super1@man.com
ในโปรแกรม Outlook เรา add ไว้ทั้ง 2 account
เราสามารถลากแล้ววาง อีเมล์จาก account หนึ่ง ไปยังอีก account หนึ่งได้
โดยอีเมล์จะถูกย้ายจาก account นึง ไปอีก account นึง
ยกเว้นเราจะกด Ctrl ค้างไว้ อีเมล์จะถูก copy แทนการย้าย ทำให้ยังมีอีเมล์อยู่ทั้ง 2 account
2. ลบ account ใน outlook แล้ว add ใส่ outlook ใหม่โดยกำหนดเป็น imap
เมื่อเราได้ copy อีเมล์เก็บไว้ใน account ใหม่แล้ว เราก็ลบ super@man.com ออก
แล้วเพิ่ม super@man.com ใหม่ กำหนดเป็น imap
ตอนเช็คเมล์ จะปรากฏว่าเมล์หายหมด ไม่เจอเลย
แล้วเราค่อยลากแล้ววาง จาก super1@man.com มาใส่ super@man.com
แค่นี้อีเมล์ของเราก็จะอยู่ครบเหมือนเดิม
UEFI แตกต่างกับ MBR (Legacy Bios) ?
Master boot record (MBR) disks use the standard BIOS partition table. โดย Disk ประเภทนี้ก็คือ MBR เพราะ DISK BIOS จะสนับสนุนกับการลง BIOS รุ่นเก่าๆของเมนบอร์ดของเรานั้นเอง โดย ขนาดของ DISK จะไม่เกิน 2 TB
GUID partition table (GPT) disks use unified extensible firmware interface (UEFI) โดย DISK ประเภทนี้เป็นแบบ GPT จะรองรับ firmware แบบ UEFI ซึ่งถ้าตั้งใน BIOS ในเมนบอร์ดของเราให้ใช้ Boot แบบ UEFI เราจะต้องทำการ covert disk ให้เป็นแบบ GPT ก่อนถึงจะทำการลง Windows ได้ ซึ่งประเภทของ GPT ส่วนมากจะทำใน DISK ที่มีขนาดมากกว่า 2 TB ข้อดีของ DISK ประเภท GPT จะสามารถทำการแบ่ง Partition ได้มากกว่า 4 Partition ใน DISK ลูกนั้นๆ
วิธีการ convert HDD แบบ MBR เป็น GPT โดยใช้แผ่นหรือ USB Windows Setup
เมื่อบูตเข้าสู่หน้าจอ Setup กด Shift+F10 เพื่อเปิด Comand Prompt
พิมพ์คำสั่ง
diskpart ทำการกด Enter
list disk ทำการกด Enter (จากนั้นดูว่ามีกี่ DISK ในคอมพิวเตอร์ของเรา ถ้ามี DISK 1ลูก มันก็จะแสดง DISK 0 แต่ถ้ามี DISK 2ลูก ก็จะแสดง DISK 0 / DISK 1 ) จากนั้นให้เราเลือกว่า DISK ไหนต้องการจะทำการ Convert จาก MBR > GPT
select disk 0 ทำการกด Enter
Clean และทำการกด Enter (อัน นี้จะเป็นการล้าง Partition ทั้งหมดนะครับของ Disk ที่เราเลือก สำหรับคนที่เคยแบ่ง Drive มาแล้วอย่าลืมทำการ Backup ก่อนลงนะ แต่ถ้าสำหรับคนที่ซื้อDISK มาใหม่จะไม่มีปัญหากับตรงนี้)
convert GPT ทำการกด Enter
จากนั้นก็กดปิดหน้าต่าง DOS มุมขวา จากนั้นก็ลง Windows ตามปกติครับ
GUID partition table (GPT) disks use unified extensible firmware interface (UEFI) โดย DISK ประเภทนี้เป็นแบบ GPT จะรองรับ firmware แบบ UEFI ซึ่งถ้าตั้งใน BIOS ในเมนบอร์ดของเราให้ใช้ Boot แบบ UEFI เราจะต้องทำการ covert disk ให้เป็นแบบ GPT ก่อนถึงจะทำการลง Windows ได้ ซึ่งประเภทของ GPT ส่วนมากจะทำใน DISK ที่มีขนาดมากกว่า 2 TB ข้อดีของ DISK ประเภท GPT จะสามารถทำการแบ่ง Partition ได้มากกว่า 4 Partition ใน DISK ลูกนั้นๆ
วิธีการ convert HDD แบบ MBR เป็น GPT โดยใช้แผ่นหรือ USB Windows Setup
เมื่อบูตเข้าสู่หน้าจอ Setup กด Shift+F10 เพื่อเปิด Comand Prompt
พิมพ์คำสั่ง
diskpart ทำการกด Enter
list disk ทำการกด Enter (จากนั้นดูว่ามีกี่ DISK ในคอมพิวเตอร์ของเรา ถ้ามี DISK 1ลูก มันก็จะแสดง DISK 0 แต่ถ้ามี DISK 2ลูก ก็จะแสดง DISK 0 / DISK 1 ) จากนั้นให้เราเลือกว่า DISK ไหนต้องการจะทำการ Convert จาก MBR > GPT
select disk 0 ทำการกด Enter
Clean และทำการกด Enter (อัน นี้จะเป็นการล้าง Partition ทั้งหมดนะครับของ Disk ที่เราเลือก สำหรับคนที่เคยแบ่ง Drive มาแล้วอย่าลืมทำการ Backup ก่อนลงนะ แต่ถ้าสำหรับคนที่ซื้อDISK มาใหม่จะไม่มีปัญหากับตรงนี้)
convert GPT ทำการกด Enter
จากนั้นก็กดปิดหน้าต่าง DOS มุมขวา จากนั้นก็ลง Windows ตามปกติครับ
วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
Access Port , Trunk Port
ข้อสอบ CCNA เกี่ยวกับ Switch - Access port และ Trunk port
ซึ่งจากคำตอบแล้ว เราสรุปได้ดังนี้
A. Switch1 – Fa0/2 => ถูกเพราะเป็น port ที่ต่อไปยัง Host ใน VLAN2 (Access Port / Switch-to-Host)B. Switch1 – Fa0/9 => ผิดเพราะเป็น port ที่ต่อไปยัง Switch2 (Trunk Port / Switch-to-Switch)C. Switch2 – Fa0/3 => ถูกเพราะเป็น port ที่ต่อไปยัง Host ใน VLAN5 (Access Port / Switch-to-Host)D. Switch2 – Fa0/4=> ถูกเพราะเป็น port ที่ต่อไปยัง Server ใน VLAN4 (Access Port / Switch-to-Server)E. Switch2 – Fa0/8 => ผิดเพราะเป็น port ที่ต่อไปยัง Switch1 (Trunk Port / Switch-to-Switch)F. Router – Fa1/0 => ผิดเพราะเป็น port ที่ถูก encapsulate ให้เป็น dot1Q เพื่อให้รองรับได้หลาย VLAN (Trunk Port)=================================================
ข้อมูลอ้างอิงการ configure Trunk Port บน Router
http://www.cisco.com/en/US/tech/tk389/tk815/technologies_configuration_example09186a00800949fd.shtml
หมายเหตุ การ configure Port ของ Router ให้เป็น Trunk Port เพื่อให้รองรับได้หลายๆ VLAN นั้น จะเป็นการทำ "InterVLAN Routing" ครับ และการ configure รวมถึงการใช้งาน Router ในลักษณะนี้ จะมีชื่อเล่นคือ "Router on Stick" ครับ (แปลเป็นไทย ประมาณว่า "Router บนแท่งไม้" ให้ลองสังเกตรูป Router กับ Interface แล้วจับมาอยู่ในแนวตั้ง โดย Router อยู่บน จะดูเหมือนอมยิ้มครับ)
หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอบคุณครับ
credit : โก้-ชัยวัฒน์
โจทย์: คณะทำงานทางด้าน network กำลังพยายามศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของบริษัท FLD โดยการศึกษา network ดังที่แสดงไว้ ซึ่งคณะทำงานรู้ว่า server ใน VLAN ที่ 4 ได้จัดเตรียมทรัพยากร (resource) ต่างๆ ที่มีความจำเป็น เพื่อที่จะรองรับ host ของ user ใน VLAN อื่นๆ โดยคณะทำงานจำเป็นที่จะต้องกำหนดว่า interface ไหนเป็น access ports
คำถามคือ interface ไหนเป็น access port? (Choose three)
================================================
ปูพื้นฐานกันสักนิดครับ หลักการของ Access Port และ Trunk Port
- Access Port จะเป็น Port หรือ Interface ที่รองรับได้เพียงแค่ 1 VLAN (1 port : 1 VALN) ดังนั้น Access port คือ port ที่ต่อกันระหว่าง Switch กับ Host หรือ Switch กับ Server
- Trunk Port จะเป็น Port หรือ Interface ที่รองรับได้หลายๆ VLAN (1 port : หลาย VLAN) ดังนั้น Trunk port คือ port ที่ต่อกันระหว่าง Switch กับ Switch
หมายเหตุ Host = PC (หรือเครื่อง Desktop), Notebook (หรือ Laptop) ================================================= สำหรับ Interface ที่ต่อกันระหว่าง Switch1 กับ Router จะเป็นอะไรนั้น ผมขออธิบายดังนี้ครับ จากรูปจะเห็นได้ว่าใน network มีทั้งหมด 3 VLAN (VLAN 2, VLAN 4 และ VLAN 5) และทั้ง 3 VLAN ก็ต้องมี Gateway เพื่อใช้ในการสื่อสารข้าม VLAN หรือ Subnet แต่ในรูปมี Router เพียงแค่ตัวเดียว และ Interface ของ Router ก็มีเพียงแค่ Interface เดียว
ดังนั้นในกรณีเช่นนี้แล้ว Interface Fa1/0 ของ Router จำเป็นที่จะต้องทำเป็น Sub-Interface พร้อมกับการ encapsulate ให้เป็น dot1Q หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ จะต้องทำ Interface Fa1/0 ของ Router ให้เป็น Trunk Port นั่นเอง
ดังนั้น จากรายละเอียดที่ได้กล่าวไปแล้ว ผมขอใส่รายละเอียดเพิ่มเติมในรูป เพื่อให้ท่านได้เห็นภาพที่ง่ายขึ้นดังภาพข้างล่างครับ
คำถามคือ interface ไหนเป็น access port? (Choose three)
================================================
ปูพื้นฐานกันสักนิดครับ หลักการของ Access Port และ Trunk Port
- Access Port จะเป็น Port หรือ Interface ที่รองรับได้เพียงแค่ 1 VLAN (1 port : 1 VALN) ดังนั้น Access port คือ port ที่ต่อกันระหว่าง Switch กับ Host หรือ Switch กับ Server
- Trunk Port จะเป็น Port หรือ Interface ที่รองรับได้หลายๆ VLAN (1 port : หลาย VLAN) ดังนั้น Trunk port คือ port ที่ต่อกันระหว่าง Switch กับ Switch
หมายเหตุ Host = PC (หรือเครื่อง Desktop), Notebook (หรือ Laptop) ================================================= สำหรับ Interface ที่ต่อกันระหว่าง Switch1 กับ Router จะเป็นอะไรนั้น ผมขออธิบายดังนี้ครับ จากรูปจะเห็นได้ว่าใน network มีทั้งหมด 3 VLAN (VLAN 2, VLAN 4 และ VLAN 5) และทั้ง 3 VLAN ก็ต้องมี Gateway เพื่อใช้ในการสื่อสารข้าม VLAN หรือ Subnet แต่ในรูปมี Router เพียงแค่ตัวเดียว และ Interface ของ Router ก็มีเพียงแค่ Interface เดียว
ดังนั้นในกรณีเช่นนี้แล้ว Interface Fa1/0 ของ Router จำเป็นที่จะต้องทำเป็น Sub-Interface พร้อมกับการ encapsulate ให้เป็น dot1Q หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ จะต้องทำ Interface Fa1/0 ของ Router ให้เป็น Trunk Port นั่นเอง
ดังนั้น จากรายละเอียดที่ได้กล่าวไปแล้ว ผมขอใส่รายละเอียดเพิ่มเติมในรูป เพื่อให้ท่านได้เห็นภาพที่ง่ายขึ้นดังภาพข้างล่างครับ
ซึ่งจากคำตอบแล้ว เราสรุปได้ดังนี้
A. Switch1 – Fa0/2 => ถูกเพราะเป็น port ที่ต่อไปยัง Host ใน VLAN2 (Access Port / Switch-to-Host)B. Switch1 – Fa0/9 => ผิดเพราะเป็น port ที่ต่อไปยัง Switch2 (Trunk Port / Switch-to-Switch)C. Switch2 – Fa0/3 => ถูกเพราะเป็น port ที่ต่อไปยัง Host ใน VLAN5 (Access Port / Switch-to-Host)D. Switch2 – Fa0/4=> ถูกเพราะเป็น port ที่ต่อไปยัง Server ใน VLAN4 (Access Port / Switch-to-Server)E. Switch2 – Fa0/8 => ผิดเพราะเป็น port ที่ต่อไปยัง Switch1 (Trunk Port / Switch-to-Switch)F. Router – Fa1/0 => ผิดเพราะเป็น port ที่ถูก encapsulate ให้เป็น dot1Q เพื่อให้รองรับได้หลาย VLAN (Trunk Port)=================================================
ข้อมูลอ้างอิงการ configure Trunk Port บน Router
http://www.cisco.com/en/US/tech/tk389/tk815/technologies_configuration_example09186a00800949fd.shtml
หมายเหตุ การ configure Port ของ Router ให้เป็น Trunk Port เพื่อให้รองรับได้หลายๆ VLAN นั้น จะเป็นการทำ "InterVLAN Routing" ครับ และการ configure รวมถึงการใช้งาน Router ในลักษณะนี้ จะมีชื่อเล่นคือ "Router on Stick" ครับ (แปลเป็นไทย ประมาณว่า "Router บนแท่งไม้" ให้ลองสังเกตรูป Router กับ Interface แล้วจับมาอยู่ในแนวตั้ง โดย Router อยู่บน จะดูเหมือนอมยิ้มครับ)
หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอบคุณครับ
credit : โก้-ชัยวัฒน์
วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
การใช้งาน fsarchiver
การ backup ด้วย fsarhciver
# startx
# fsarchiver probe simple //ตรวจสอบ partition harddisk
# mkdir /mnt/500ext4
# mount /dev/sdd1 /mnt/500ext4
# fsarchiver savefs /mnt/500ext4/partimages/kubuntu/kubuntu2 /dev/sda9
การ restore ด้วย fsarchiver
# fsarchiver restfs /mnt/500ext4/partimages/kubuntu/kubantu2.fsa id=0, dest=/dev/sda9
# startx
# fsarchiver probe simple //ตรวจสอบ partition harddisk
# mkdir /mnt/500ext4
# mount /dev/sdd1 /mnt/500ext4
# fsarchiver savefs /mnt/500ext4/partimages/kubuntu/kubuntu2 /dev/sda9
การ restore ด้วย fsarchiver
# fsarchiver restfs /mnt/500ext4/partimages/kubuntu/kubantu2.fsa id=0, dest=/dev/sda9
การใช้งาน Sysrescd
/Root %Startx เพื่อเข้าสู่โหมดกราฟฟิค
ls -l /dev
/Root% Gparted ตรวจสอบ partition harddisk
/root% cd /mnt
/mnt% mkdir pjdiskimages
/mnt% ls -l
/mnt% ntfs-g3 /dev/sdc2 /mnt/pjdiskimages #mount ระบบ ntfs ของ external harddisk
เข้าเมนู START> MISC> Midnight commander เพื่อตรวจสอบ /mnt/pjdiskimages
/mnt% partimage
เลือกบีบอัด แบบ GZIP
การกู้คืน Image ที่สร้างไว้
/root% startx
/root% cd /mnt
/mnt% mkdir pjdiskimages
/mnt% ntfs-3g /dev/sdc2 /mnt/pjdiskimages
เข้าเมนู START> MISC> Midnight commander เพื่อตรวจสอบ /mnt/pjdiskimages
/mnt% partimage
IceSuntisuk: Basic Command HP
IceSuntisuk: Basic Command HP: เมื่อเข้ามาในหน้า CLI โดยการต่อสาย Console บน Switch ของ HP เราจะเข้ามาสู่หน้า Privilege แต่ถ้าต้องการเข้าสู้ Global Configuration เราจำเป็น...
IceSuntisuk: VLAN CLI on HP Switch
IceSuntisuk: VLAN CLI on HP Switch: บทความนี้ขอนำเสนอเกี่ยวกับการตั้งค่า VLAN บน HP นะครับ หากใครสงสัยว่า VLAN คืออะไรสามารถดูได้ตามบทความเก่าตามลิ้งนี้นนะครับ Link To Basic ...
IceSuntisuk: HP 1910 Open Full Command
IceSuntisuk: HP 1910 Open Full Command: Switch ตัวนี้มีความพิเศษตรงที่ว่าเวลาเราเปิดใช้งานขึ้นมามันจะไม่สามารถเข้าไปแก้ไข Command ที่เป็นระดับ Expert ได้ดังนั้นจึงต้องทำการเปิดใช้ง...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)