|
|
H.265 คืออะไร |
H.265 เป็นการบีบอัดวีดีโอรูปแบบใหม่ ที่ต่อเนื่องมาจาก H.264 ถูกพัฒนาขึ้นโดย ITU-T Video Coding Experts
Group (VCEG)
22 ตุลาคม 2012 Ericsson
ประกาศตัวว่าเป็นคนแรกของโลกที่เปิดตัวการเข้ารหัสแบบ H.265 ภายใต้ชื่อ
High Efficiency Video Coding (HEVC) โดยหน่วยงาน ITU-T
เป็นคนรับรองมาตรฐาน |
H.265
กล่าวว่า สามารถบีบอัดข้อมูลได้เป็นสองเท่าของ H.264
ด้วยระดับคุณภาพของภาพเท่ากัน สามารถรองรับคุณภาพของภาพหลากหลายที่ Bit
Rate เท่าๆกัน และสามารถรองรับ 8K UHD ความละเอียด 8192 x 4320 |
H.265
ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสามารถในการบีบอัดมากกว่า H.264 โดย Bitrate
ลงไปครึ่งหนึ่ง ขึ้นอยู่กับการทำงานของ applicationด้วย H.265
จะลดความซับซ้อนการคำนวณการเข้ารหัสลง ทำให้บีบอัดได้ดีขึ้น ขณะที่ H.264
ส่งข้อมูลระดับ SD ที่ 1Mbps แต่ H.265 สามารถส่งข้อมูลได้ถึง 720P หรือ
(1280 x 720) และ HD ที่ 1-2Mbps |
บริษัท
ใหญ่ฝั่ง IT เช่น Qualcomm Broadcom และ Huawei ได้ออก Products ที่เป็น
H.265 ซึ่งหวังว่าจะมาแทนที่ H.264 และจะเป็นมาตรฐานระดับสากลต่อไป |
H.265 ทำไมถึงเหนือกว่า H.264?
|
การเข้ารหัสของ H.265/HEVC จะ
มีลักษณะคล้ายๆ กันกับ H.264/AVC ที่มี inter-/ intra-picture prediction,
transform coding, quantization, deblocking filter, and entropy coding
แต่ H.265/HEVC จะประกอบด้วย หน่วย โค๊ดดิ่ง coding units (CUs),
หน่วยการคาดการณ์ predict units (PUs) และหน่วยการเปลี่ยนถ่าย transform
units (TUs). |
เปรียบ
เทียบระหว่าง H.264 กับ H.265 มีกระบวนการที่แตกต่างกันในการแบบอัด
ที่จำนวน Block H.264 จะใช้อยู่ที่ 16x16 pixel ขณะที่ H.265
จะสามารถเลือกจาก 8x8, 16x16 ถึง 64x64 pixels.
ส่วนที่วิเคราะห์ว่าอะไรที่จะแบ่ง CUs ออกเป็นหลายขนาดนั้นตัวอย่างเช่น
ตัวของรถในที่จอดรถ การเข้ารหัสจะใช้ Block ที่ใหญ่ในการเข้ารหัสพื้นหลัง
(Background) ที่จะบรรจุข้อมูลจำนวนน้อย |
H.265
จะใช้โหมดการกำหนดทาง 33 directional modes สำหรับการคาดคะเน
(intra-prediction), เปรียบเทียบกับ H.264 จะใช้โหมดการกำหนดทิศทางเพียง 8
directional modes สำหรับการคาดคะเน intra-prediction
ที่คุณภาพภาพเหมือนกัน H.265 จะบีบอัดได้ถึง 39 to 44% เทียบกับH.264.
ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกัน |
มาตรฐาน
การบีบอัดวิดีโอต่าง ๆ ย่อมมีเป้าหมายเพื่อให้มีอัตราการบีบอัดข้อมูลสูงๆ
นั่นคือใช้อัตราบิตน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ขณะเดียวกันก็ยังสามารถรักษาคุณภาพระดับเดิมไว้ได้
โดยวิธีการวัดประสิทธิภาพการเข้ารหัสของแต่ละมาตรฐานนั้นมีอยู่สองวิธี
วิธีแรกคือใช้ตัวชี้วัด เช่น peak signal-to-noise ratio (PSNR)
วิธีที่สองคือประเมินจากคุณภาพของวิดีโอซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมมากกว่า
เนื่องจากเป็นสิ่งผู้ชมวิดีโอสัมผัสได้จริง |
เปรียบเทียบมาตรฐานการเข้ารหัสวีดีโอ โดยมีค่า PSNR เท่ากัน
|
มาตรฐานการเข้ารหัส |
อัตราบิตลดลงโดยเฉลี่ยเมื่อเปรียบเทียบกับ |
H.264/MPEG-4 AVC HP |
MPEG-4 ASP |
H.263 HLP |
H.262/MPEG-2 MP |
HEVC MP |
35.4%
|
63.7%
|
65.1%
|
70.8%
|
H.264/MPEG-4 AVC HP |
-
|
44.5%
|
46.6%
|
55.4%
|
MPEG-4 ASP |
-
|
-
|
3.9%
|
19.7%
|
H.263 HLP |
-
|
-
|
-
|
16.2%
|
|
|
|
Info Graphic แสดงถึงความแตกต่างระหว่าง H.264 และ H.265
|
|
อนาคตของ H.265 |
งาน
CPSE ในปี 2013 บริษัท Hisilicon และ Grain Media ได้เริ่มต้นเปิดตัว
การพัฒนา H.265
ที่สร้างการยอมรับและความประทับใจให้กับผู้เข้าชมที่มองเห็นความเป็นไปได้
มาก และในปีนี้เอง ปี 2014 บริษัท Hisilicon ได้เปิดตัว Chipset H.265
Code Name Hi3516A ซึ่งรองรับการแบบอัดอย่างสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตามความท้าทายยังคงอยู่ที่ความซับซ้อนของการนำ H.264
มาผนวกเข้าไปกับอุปกรณ์
และเรื่องราคากับคุณสมบัติของสินค้าที่ไม่ค่อยจะตอบโจทย์เท่าไหร่แต่อีกไม่
นานก็จะเข้ามาแทนที่ H.264 ที่มีอายุมากกว่า 10 ปี
และจะถูกใช้อย่างแพร่หลายต่อไป |
ที่มา
|
|
|
|
เรียบเรียงแปลและดัดแปลง โดย Ton Zynek
|
วันที่ลงบทความ 3 ธันวาคม 2557
|
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น